โนซาวะ ออนเซ็น:เมืองเล็กในม่านหิมะ

การเดินทางแสนอบอุ่นสู่เมืองที่อากาศหนาวจับขั้วหัวใจ

ใครบางคนเคยบอกเอาไว้ว่า...Wherever you go, no matter what the weather, always bring your own sunshine...ฉันเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้เสมอมา ไม่ว่าจะพบกับวันที่มืดครึ้มหรือเหน็บหนาวเท่าใด ฉันจึงพยายามทำให้หัวใจอบอุ่นราวกับว่ากำลังยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า แม้แต่ในวันที่เดินทางไปเยือนเมืองโนซาวะ ออนเซ็น (Nozawa Onsen) ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano) ซึ่งรอบตัวปกคลุมไปด้วยปุยหิมะสูงท่วมหัว และไม่มีทีท่าว่าดวงอาทิตย์จะโผล่หน้าออกมาทักทาย ฉันก็ยังรู้สึกอุ่นใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์เป็นที่สุด!!

ขบวนรถไฟหัวกระสุนสายอาซามะ (Asama) พาฉันพุ่งผ่านอากาศหนาวเย็นจากสถานีโตเกียว ด้วยเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็มาถึงจังหวัดนากาโน่ ซึ่งมีสมญาว่าหลังคาของญี่ปุ่น เพราะภูมิประเทศทั้ง 4 ทิศถูกโอบล้อมไว้ด้วยเทือกเขาเจแปนแอลส์ (Japan Alps) ที่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,000 กิโลเมตร ในฤดูร้อนที่นี่มีอากาศเย็นสบาย ในฤดูหนาวที่นี่มีหิมะตกแทบจะตลอดเวลาจนกลายเป็นแดนสวรรค์ของนักสกี และในปีค.ศ.1998 นากาโน่ก็ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวสร้างความประทับใจแก่คนทั้งโลกมาแล้ว

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในต้นเดือนกุมภาพันธ์นากาโน่จะต้อนรับฉันด้วยละอองหิมะ พอเปลี่ยนมาขึ้นรถไฟท้องถิ่นสายลิยามะ (Liyama) ภาพที่มองเห็นผ่านกรอบหน้าต่างจึงตรึงความสนใจของฉันไว้ได้ตลอดทาง ทั้งต้นไม้ ภูเขา เสาไฟ แม่น้ำ สะพาน บ้านเรือนถูกแต้มด้วยสีขาว จนเหมือนเมืองในฝันที่จิตรกรวาดขึ้นจากจินตนาการ และในที่สุดรถไฟก็หย่อนฉันลงที่สถานีโทการิ โนซาวะ ออนเซ็น (Togari Nozawa Onsen) เพื่อที่จะพบว่านี่คือสถานีรถไฟที่งดงามแห่งหนึ่งของโลก

ไม่ใช่เพราะความวิจิตรอลังการหรอก ตัวอาคารขนาดกะทัดรัดนั้นไม่ต่างอะไรจากสถานีรถไฟทั่วไป แต่เมื่อรถไฟแล่นจากไปฉันมองเห็นเสาไม้รูปเทพเจ้าชายหญิงตั้งอยู่คู่กันข้างป้ายชื่อสถานี โดยมีต้นไม้ที่ผลิใบเป็นเกล็ดหิมะตระหง่านอยู่เบื้องหลัง ในระหว่างที่พื้นทั่วบริเวณถูกทับถมด้วยหิมะหนามากกว่า 1 ฟุต ปุยสีขาวนวลก็ยังคงโปรยลงมาอย่างช้าๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ แข้งขาของฉันจึงเหมือนถูกฟรีซไว้ในกองหิมะ ไม่ใช่แค่เพราะความเย็นยะเยือกของอุณหภูมิ -5 องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่เป็นเพราะความสวยงามเรียบง่าย ทว่าเปี่ยมไปด้วยพลังนั่นต่างหากที่สะกดให้ฉันนิ่งอึ้งตะลึงงันอยู่กับที่

แต่แล้วฉันก็ต้องสะกิดตัวเองให้รีบรุดไปแย่งที่นั่งบนรถบัสคันเล็ก เพื่อเดินทางต่อจากสถานีแห่งนั้นไปลงที่ป้ายนากาโอะ (Nakao) และใช้เวลาอีกไม่น้อยในการเดินฝ่าหิมะตามหาวิลล่า โนซาวะ (Villa Nozawa) ซึ่งเป็นเกสต์เฮ้าส์ที่หลังคาถูกห่มคลุมด้วยหิมะจนหนาเตอะอย่างกับบ้านในการ์ตูน สิ่งแรกที่ฉันทำหลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่ก็คือการหอบผ้าหอบผ่อนฝ่าความหนาวกลับออกมาด้านนอกอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะฉันถูกเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ขับไล่ไสส่งแต่ประการใด แต่เป็นเพราะวิลล่า โนซาวะไม่มีห้องอาบน้ำ เช่นเดียวกับบ้านแทบทุกหลังในเมืองนี้ที่มีแต่ห้องสุขาเท่านั้น ด้วยความที่เมืองโนซาวะ ออนเซ็นมีโรงอาบน้ำให้บริการฟรีถึง 13 แห่ง ทุกคนจึงพร้อมใจออกไปอาบน้ำนอกบ้านกันเป็นกิจวัตรไม่ว่าอากาศจะหนาวจับขั้วหัวใจแค่ไหนก็ตาม

นอกจากจะได้สัมผัสกับการอาบน้ำตามแบบโบราณของชาวญี่ปุ่นที่ยังคงปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน สิ่งที่เป็นไฮไลท์สำคัญของเมืองโนซาวะ ออนเซ็นย่อมหนีไม่พ้นการเล่นสกี เพื่อที่จะได้เก็บความทรงจำจากหลังคาของญี่ปุ่นไปเล่าให้ลูกหลานฟัง แต่ถ้าใครเป็นอย่างฉันที่ไม่ค่อยรักความผาดโผนโจนทะยานเท่าไรนัก โปรแกรมทัวร์ที่ต้องขอการันตีความประทับใจในเช้าวันต่อมาก็คือการเดินเล่นในหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตเรียบง่ายของคนเมืองนี้ แล้วแวะชิมโซบะซึ่งว่ากันว่าปรุงจากน้ำแร่ที่เกิดจากการละลายของหิมะเป็นส่วนผสม จากนั้นก็เดินลัดเลาะขึ้นเนินเขาไปไหว้พระที่วัดเคนเมจิ (Kenmeji Temple) ซึ่งเป็นวัดขนาดย่อมประจำหมู่บ้าน ก่อนจะปิดท้ายด้วยการปั้นตุ๊กตาหิมะฝากเอาไว้ให้คนเมืองนี้ได้ยิ้มทักทายเวลาเดินผ่าน

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นกิจกรรมที่ฉันทำในขณะที่หิมะยังพรำพร่างอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าละอองสีขาวที่ลอยละล่องลงมาจะส่งผลให้ต้องระมัดระวังในการเดิน และทัศนวิสัยไม่กระจ่างตานัก รวมถึงยังต้องคอยกอดตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้สั่นไหวไปกับไอหนาว แต่ฉันกลับบอกกับตัวเองว่า...บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่แสงอาทิตย์เท่านั้นหรอกนะที่จะทำให้เราอบอุ่นได้ เพราะความสงบและงดงามของเมืองเล็กในม่านหิมะแห่งนี้ ก็มีเสน่ห์ที่สามารถทำให้อุณหภูมิในหัวใจของเราอุ่นขึ้นได้ไม่แพ้กัน

0
0
Cet article était-il utile ?
Help us improve the site
Give Feedback

Laissez un commentaire

Thank you for your support!

Your feedback has been sent.